Tuesday, March 11, 2008

บทเรียน forex ชั้นเตรียมอนุบาล (type of trading)

แปลจาก
http://www.babypips.com
คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ กับหลายท่านที่ต้องการปูพื้นฐานก่อนการเทรด Forex นะครับ

เรียน forex ชั้น เตรียมอนุบาล

การซื้อขายสองชนิด
การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ชนิด ซึ่งคุณสามารถใช้เมื่อเข้าถึง forex การวิเคราะห์มูลฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค มักจะมีการถกเถียงกันอยู่เสมอว่า การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า, แต่ ตามความจริงแล้ว เราจำเป็นต้องรู้ทั้งสองบ้างเล็กๆน้อย ดังนั้น มาดูเป็นอย่างเป็นอย่างไป จากนั้นจะได้นำมาใช้ร่วมกันได้

1.การวิเคราะห์มูลฐาน
การวิเคราะห์มูลฐาน คือวิธีดูตลาดผ่านปัจจัยอิทธิพลทางเศรษฐกิจ, สังคม และการเมืองที่มีผลกระทบต่อ ปริมาณและความต้องการ อุปสงค์/อุปทาน กล่าวอีกอย่างหนึ่ง คือ คุณดูว่าเศรษฐกิจของใครกำลังไปได้ดี, และของใครกำลังแย่ แนวความคิดเบื้องหลังการวิเคราะห์ชนิดนี้ก็คือ เศรษฐกิจของใครก็ตามที่กำลังดี เงินตราของเขาก็ต้องดีด้วยเช่นกัน นี้เพราะว่า ยิ่งเศรษฐกิจของประเทศดี ประเทศอื่นๆยิ่งมีความเชื่อมั้นมากในเงินตรานั้น เป็นต้นว่า, ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะ เศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแรง ถ้าอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าของเงินดอลล่าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และนี้เองคือสิ่งที่เราเรียกว่าการวิเคราะห์มูลฐาน ในหลักสูตร ภายหลัง เราจะได้เรียนว่าเหตุการณ์ข่าวประเภทไหนกัน ที่ผลักดันค่าเงินตราได้มากที่สุด ตอนนี้ให้รู้แค่ว่าการวิเคราะห์มูลฐานของ forex คือ วิธีวิเคราะห์เงินตราผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น

2.การวิเคราะห์เชิงเทคนิค
การวิเคราะห์เชิงเทคนิค คือ การศึกษาของการเคลื่อนไหวของราคา พูดให้สั้น คือ วิเคราะห์ทางเทคนิค = วิเคราะห์กราฟ (chart) แนวความคิดนี้ ก็คือเราสามารถดูประวัติการเคลื่อนไหวของราคา และอาศัยการขยับตัวของราคา ตัดสินคาดได้ในระดับหนึ่งว่าราคาจะไปที่จุดไหน โดยดูที่กราฟ คุณสามารถระบุแนวโน้ม และรูปแบบ ที่สามารถช่วยให้เห็นโอกาสดีในการชื้อขาย สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ แนวโน้ม! คนจำนวนมากมีคำพูดอยู่ว่า แนวโน้ม คือ เพื่อนของคุณ . เหตุผลคือ คุณอาจทำเงินได้มากกว่า เมื่อคุณสามารถค้นพบ แนวโน้ม แล้วซื้อขายในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยคุณระบุแนวโน้มเหล่านี้ในขั้นต้นๆ ของมัน และเพราะฉะนั้น(ผมเพิ่งพูดว่าเพราะฉะนั้นใช่ไหม )จึงช่วยให้ คุณได้โอกาสซื้อขายทำกำไรมาก

ดังนั้น การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า
ผมดีใจที่ คุณถามคำถามนั้น คำตอบ คือ ไม่ใช่แบบใด ทั้งนั้น คุณต้องการการวิเคราะห์ทั้งสองชนิดที่จะเป็นนักค้าที่สมบูรณ์ นี้ คือ ตัวอย่างของการโฟกัสใช้การวิเคราะห์เพียงชนิดเดียวที่นำไปสู่ความหายนะ

สมมุติว่าคุณดูที่กราฟของคุณ และ คุณเห็นโอกาสดีที่จะซื้อขาย คุณรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก คิดอยู่ว่าฝนเงินกำลังจะตกลงจากท้องฟ้าแล้ว คุณพูดกับตัวคุณเอง "โห..เราไม่เคยเห็นโอกาสซื้อขายที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน รักเจ้ากราฟนี่จัง" จากนั้น คุณก็ดำเนินการเข้าซื้อขายด้วยรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้า(ประเภทเห็นฟันทุกซี่เลย). แต่เดี่ยวก่อน .. ทันทีทันใด ราคาซื้อขายก็ขยับวูบไปถึง 30 จุด ในทิศทางตรงกันข้าม ! คุณรู้น้อยไปหน่อยว่า อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงไปแล้วสำหรับเงินตราของคุณ และขณะนี้ทุกๆคนกำลังซื้อขายในทิศทางตรงกันข้าม รอยยิ้มกว้างก็กลายเป็นบูดเบี้ยวและ คุณเริ่มโกรธกราฟโยนคอมพิวเตอร์ของคุณลงไปกองบนพื้นแหลกละเอียด คุณเพิ่งสูญเสียเงินไปหนึ่งกล้อน, และมาตอนนี้คอมพิวเตอร์ของคุณก็พังซะแล้ว. ทั้งหมดนี้เพราะ คุณเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงต่อการวิเคราะห์มูลฐาน
คำพูด:

สรุป

-การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ประเภท : เชิงมูลฐาน และทางเทคนิค
-การวิเคราะห์มูลฐาน คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ( ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะเศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแกร่งขึ้น)
-การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวราคา การวิเคราะห์ทางเทคนิค = กราฟ
-การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังช่วยระบุแนวโน้มที่สามารถช่วยเราค้นพบโอกาสทำกำไรในการซื้อขาย
-เพื่อเป็นนักค้าที่สมบูรณ์, คุณต้องประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ทั้งสองร่วมกัน

Sunday, March 9, 2008

วิธีการฝากเงินเข้าบัญชี สำหรับท่านที่เทรด Forex กับ Marketiva

การฝากเิงินเข้าMarketivaนั้นทำได้2แบบ
1.การฝากเิิงินเข้าจากธนาคารออนไลน์ ธนาคาร WebMoney

ฝากเงินเข้า จะต้องมีเงินในบัญชี WebMoney แล้วนะครับ ถ้าไม่มีไปซื้อได้ ที่เว็บ http://www.ecurrencyplus.com หรือ http://www.e-currencystore.com ได้ครับ เมื่อมีเงินในบัญชีพร้อมแล้วก็ทำตามขั้นตอนข้างล่างเลยครับ

1.login เข้าสู้ account marketiva เลือกคำว่า Deposit Funds

2.เลือกวิธีโอนเงิน คลิ๊กคำว่า Deposit by web money

3.กรอกรายละเอียดในช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันกำกับ
กรอกเลขบัญชี web money ของท่านในช่อง Sender Account กรอกจำนวนเงินในช่อง Amount แล้วคลิ๊กคำว่า Deposit Fund ที่อยู่ด้านล่าง รอสักครู่ ก็จะเข้าสู่เว็บ web money ทำการโอนเงิน ยอดเงินจะปรากฏใน Maketiva Account (Defult)ของท่านทันทีเมื่อโอนเงินเสร็จ

4.คิ๊กTranfer Fund ย้ายเงินที่ฝากฝากเข้าไป ย้ายจาก Defult ไปสู่ Live Forex
(ถ้าเงินที่โอนเข้าไปไม่ปรากฎไม่ต้องตกใจ ใ้ห้ส่งจดหมายไปหา support ครับ )


2.การโอนเิงินโดยตรงจากธนาคารในประเทศไทย โดยมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนการโอนเงินโดยตรงจากธนาคารในประเทศไทยเข้าMarketiva
1.login เข้าสู้ account marketiva เลือกคำว่า Deposit Funds
2.เลือก deposit by wire transfer จดเลขบัญชีและชื่อธนาคารของMarketiva
3.แจ้งความประสงค์กับทางธนาคาร”ท่านต้องการโอนเงินไปต่างประเทศ”แจ้งเลขบัญชีกับทางธนาคาร
4. เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว เข้าไปกรอกรายละเอียดต่างๆ ในช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันกำกับให้ครบถ้วน หลังจากนั้นรอทางธนาคารส่งเงินไปประมาณ 1-7วันยอดเงินก็จะปรากฏในบัญชีMarketiva ของท่าน
5.หากเกิน7วันยอดเงินในบัญชีMarketivaไม่ปรากฎไม่ต้องตกใจmarketivaสมาชิกเยอะครับให้ติดต่อsupportทันที



หลังจากนั้น ให้ดูที่โปรแกรมเทรดของเรา ตรวจสอบที่ Portfolio ด้านซ้ายมือ แล้วดู Default Desk ถ้าเงินโอนเข้ามาเรียบร้อย จะอยู่ที่ Default Desk นี้ เราต้องทำการโอนอีกครั้ง ให้ไปอยู่ที่ Live Forex Desk จึงทำใช้เทรดได้
ให้คลิกที่ Account Center / Transfer Funds แล้วทำตามขั้นตอนด้านล่าง
1. From Desk: เลือก Default Desk
2. To Desk: เลือก Live Forex
3. Amount: ใส่จำนวนเงินจาก Default Desk ทั้งหมด
4. คลิกปุ่ม Transfer
เมื่อโอนเงินจาก Default Desk ไปที่ Live Forex เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเทรดด้วยเงินจำนวนนี้ได้เลย ครับ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และขอให้รวยๆ ทุกท่านครับ

Saturday, March 8, 2008

การเทรด Forex โดยใช้โปรแกรม trade ของ Marketiva

หลังจากที่เราได้ทำขั้นตอนต่างๆ ที่ผ่านมาจนครบหมดแล้ว คราวนี้เราจะมาเริ่มใช้งาน โปรแกรมเทรดของ Marketiva นะครับ โปรแกรมนี้ชื่อ Streamster ซึ่งก็คือตัวที่เราโหลดมาแต่แรก ในขั้นตอนการสมัคร Marketiva นั่นเอง

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้สมัคร Marketiva สมัครที่นี่ครับ -> CLICK คลิ๊กที่เมนู Open Account
(Click เพื่อดูวิธีการสมัคร Marketiva)

เรามาต่อกันเลยนะครับ เมื่อเปิดโปรแกรม Streamster แล้ว พอ Login เข้าไปก็จะเจอหน้าจอนี้


เมื่อเราสมัครเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้เงินเรา 5 เหรียญทันที โดยเงินจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของ Live Forex และ ส่วนของ Default ส่วนละ $2.5 เราสามารถนำเงินมารวมกันได้ ( ยอดเงินสามารถดูได้ที่ Portfolio )

จากรูปข้างบนผมขอแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเพื่อง่ายต่อความเข้าใจนะครับ

พื้นที่ 1 ซ้ายบนของโปรแกรม - คือ ราคาในปัจจุบันครับ จะมี 3 tap คือ Forex rate, Fund rate และ Latest news

Forex rate คือ ราคาที่วิ่งขึ้นลง ของค่าเงินแต่ละคู่ เราสามารถเพิ่ม-ลด คู่ที่จะดูได้ที่ปุ่ม subscriptions ครับ

Fund rate คือ ราคาของกองทุน -อันนี้ผมไม่เล่นนะครับ - กองทุนจะมีปันผลเป็นเปอร์เซ็นต์ (แต่ปันผลเมื่อไหร่ไม่รู้นะครับ) และเล่นได้ขาขึ้นอย่างเดียวเหมือนหุ้น และราคาที่เห็น เป็นราคาต่อ 1 หน่วย - ซื้อขายเป็นหน่วยครับ

Latest news เป็น ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ

พื้นที่ 2 ขวาบน- เป็นพื้นที่แสดงผลของกราฟ เดี๋ยวกลับมาว่ากันเรื่องการ set ครับ

พื้นที่ 3 ซ้ายล่าง - แสดงจำนวนทุนของเรา ซึ่งตอนลงโปรแกรมใหม่จะมี 4 ส่วนคือ

1. Live Forex - อันนี้คือเงิน “จริง” จะมีทุนฟรีมาให้เรา $2.5 เล่นได้ ก็ได้จริง เสียก็เสียจริง
2. Virtual Forex - อันนี้คือเงิน “ปลอม”
3. Live Fund - อันนี้คือเงิน “จริง” ที่ใช้เทรด Fund ซึ่งจะมีทุนฟรีมาให้เรา $2.5 เล่นได้ ก็ได้จริง เสียก็เสียจริง เช่นกัน
4. Virtual Fund - อันนี้คือเงิน “ปลอม” ใช้เทรด Fund

สำหรับคนที่ไม่เล่น Fund ให้ย้ายทุนมาที่ Forex โดยไปที่

พื้นที่ 4 ขวาล่าง- ส่วนนี้จะมี 4 tap ซึ่งเราจะสนใจแค่ 2 คือ Position กับ Account Center

1. Position จะบอกข้อมูลแต่ละ order ที่เราทำการเทรด โดยสถานะหลังสุดจะบอกว่า Position นี้ open อยู่ หรือ close ไปแล้ว เราจะเห็นการทำกำไร-ขาดทุน แต่ละ order ที่นี่ ครับ โดยดูที่ช่อง Profit กับ Point โดย Profit จะบอกเป็นจำนวน “เงิน” ที่ได้ หรือเสีย อยู่ (ถ้าจะ close ในเวลานั้นๆ) และ Point จะบอกเป็น “จุด” - ไม่ต้องสนใจสีเขียว หรือแดงนะครับ เพราะมันเป็นการบอกแค่เทียบว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลง เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้า

2. Account Center จะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ account ของเรา และทำการ deposit หรือ withdraw (ส่วนนี้จะหน้าตาเหมือนกับเวลา login ที่เว็บไซด์ - แต่ห้าม login ที่โปรแกรม และเว็บไซด์พร้อมกันนะครับ)

ต่อจากเมื่อกี้ ให้ย้ายทุน โดยไปที่ tap นี้ แล้ว ไปที่เมนู Account Center เลือก Transfer fund แล้วทำการย้าย
Live Fund -> Live Forex จะทำให้เรามีทุนที่ Forex เพิ่มเป็น $5
Virtual Fund -> Virtual Forex -อันนี้จะไม่ย้ายก็ได้ครับ

เวลาเรา deposit เงินจะมาที่ Desk ก่อนนะครับ จากนั้นเราจึง transfer จาก desk มาที่ live forex ส่วนเวลาถอน ก็ transfer จาก live forex มา desk ก่อน ค่อย withdraw นะครับ

การ Set Indicator ใน marketiva

Indicator ก็คือเครื่องมือชี้วัด ต่างๆ ครับ ทำการเพิ่มเติมได้โดยกดเมาส์ขวาที่ส่วนของ Charting เลือก Add Indicator จะเห็นรายการกราฟแบบต่าง ๆ มากมายครับ ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะที่จะใช้นะครับ

ขั้นแรกขอให้ทำการ Remove Indicator เก่าออกให้หมดก่อนนะครับ โดยคลิ๊กที่ indication (เส้นสีๆ) แล้ว จะมี window เล็กๆ ขึ้นมา เลือก remove this indicator



จากนั้นให้ คลิ๊กขวาเลือก Style->Candlesticks





จากนั้น ให้คลิ๊กขวาเพื่อ set indicator ต่างๆ ดังนี้

1. Moving Average
Type : Simple
Period : 50
Line Color : น้ำเงิน

2. Moving Average
Type : Exponential
Period : 100
Line Color : ชมพู

3. Moving Average
Type : Exponential
Period : 5
Line Color : แดง

4. Bollinger Bands
Type : Exponential
Period : 20
Multiple : 2.0
Upper Line Color : เขียวอ่อน
Lower Line Color : เหลือง

5. Parabolic SAR
Acceleration : 0.020
Maximum : 0.20
Color : น้ำตาล

6. Moving Avg Conv./Divergence (MACD)
Fast EMA Period : 12
Slow EMA Period : 26
MACD SMA Period : 9
MACD Color : น้ำเงิน
Signal Color : แดง
Histogram Color : ดำ

7. Relative Strength Index (RSI)
Period : 14
Line Color : แดง

8. Stochastic Slow
FastK Period : 5
SlowK MA Type : Exponential
SlowK Period : 3
SlowD MA Type : Exponential
SlowD Period : 3
SlowK Color : น้ำเงิน
SlowD Color : แดง

9. Horizontal Line เป็นเส้นแนวนอน เอาไว้ไล่ดูเส้นราคาครับ



การวิเคราะห์กราฟ

Buy เมื่อ
ถ้าเส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ขึ้น และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบบน (สีเขียว) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่ใต้เส้นราคา และดันขึ้น บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงขึ้น และมีภูเขาเกิดขึ้นเหนือระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่ใต้ 30 และหักหัวขึ้น บวกกับ Stochastic อยู่ใต้ 20 และหักหัวขึ้น

Sell เมื่อ
ถ้าเส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ลง และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบล่าง (สีเหลือง) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่เหนือเส้นราคา และกดลง บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงลง และมีภูเขาหัวกลับเกิดขึ้นใต้ระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่เหนือ 70 และหักหัวลง บวกกับ Stochastic อยู่เหนือ 80 และหักหัวลง

กราฟเวลาที่เหมาะสมคือ 15 ถึง 30 นาที ทั้งนี้ อาจใช้ 5 นาทีเพื่อหาจังหวะเข้า และ 1 - 4 hrs เพื่อดูแนวโน้มในระยะยาว

กราฟแต่ละเวลาหมายถึง ระยะเวลาที่แต่ละแท่งเทียนถูกเขียนขึ้นในกราฟนั้นๆ

สำหรับ กราฟ pattern แบบต่างๆ การอ่านแท่งเทียน สามารถศึกษาได้จากเว็บหุ้นทั่วไป

การสั่งซื้อขาย
เราสามารถทำการสั่งซื้อขายได้โดยการคลิ๊กที่คู่ของค่าเงินที่ต้องการ หรือคลิ๊กที่พื้นที่กราฟ ส่วนการ close หรือ modify position ก็ให้ไปคลิ๊กเลือกที่ position ที่ต้องการในพื้นที่ 4 สำหรับปริมาณที่จะซื้อ-ขาย ในช่อง quantity ให้ใส่เป็นจำนวน 100 เท่า ของที่เราต้องการนะครับ เช่นเราจะเทรด $1 ให้ใส่ 100 (จุดละประมาณ 1 เซ็นต์) เทรด $10 ให้ใส่ 1,000 (จุดละประมาณ $1)

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเทรดในบ้านเราคือ 12.00 - 22.00 ครับ ช่วงอื่นกราฟอาจจะอืดๆ ไปบ้าง ช่วงบ่ายๆ คือก่อนตลาดญี่ปุ่นปิด ตลาดยุโรป-ลอนดอนกำลังจะเปิด และ 19.00 ตลาดนิวยอร์คจะเปิดลองใช้ดูครับ เล่นกับเงินปลอมไปก่อน เพื่อทดลอง จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

สามารถศึกษาการวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยวิธีทางเทคนิคเบื้องต้นและ indicator ต่างๆ โดย download e-book ไปศึกษาดูได้ที่
e-book พื้นฐานการวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยวิธีทางเทคนิค
(เครดิต: ตลาดหุ้นดอทคอม, Richesway.com, Forexrichclub )

นอกจากนั้นเราสามารถ chat แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนไทยคนอื่นๆ ที่เทรด Forex กับ Marketiva โดยไปคลิ้กที่เมนู Discussions ตรงพื้นที่ 2 ขวาบน แล้วคลิ้ก Groups จากนั้นเลื่อนหา Thailand ติ๊กแล้วกด OK ครับ

Thursday, March 6, 2008

ก่อนเทรด Forex ต้องแสดงตน (Identify Yourself ) กับทาง Marketiva ก่อน

ในการสมัครเทรดกับโบรกเกอร์ ต้องมีการส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนด้วยนะครับ เพราะทางโบรกเกอร์ต้องป้องกันเรื่องการฟอกเงิน และบางโบรกมีโบนัสให้ ทำให้สมัครได้แค่ 1 คนต่อ 1 account นะครับ การยืนยันตัวตนกับทาง Marketiva มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ
1. เข้าสู่ www.marketiva.com แล้วคลิ๊กที่ Account Center



2. ใส่ Username และ Passoword คลิ๊กที่ Log On



3. คลิ๊กที่ Services



4. คลิ๊กที่ Identify Yourself



5. ใส่ภาพลงในหัวข้อทั้ง 2 โดยมีขนาดไม่เกิน 100 K และต้องเป็น JPEG FORMAT เท่านั้น แล้วคลิ๊กที่ Upload (สีแดงด้านบน คือ การ Log Off)



6. รอเวลา 1 - 2 วัน ถ้าผ่านการตรวจสอบแล้ว จะเป็นดังภาพ



ตัวอย่างเอกสารของบัตรประชาชน และการเขียนระบุรายละเอียดครับ



ตัวอย่างเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่าย (ไม่ควรเกิน 60 วัน Scan ส่งไปด้วยขนาดไม่เกิน 100 K และเป็น JPEG FORMAT เท่านั้นนะครับ)




หลังจากยืนยันตัวตนกับทาง Marketiva ผ่านแล้วเราก็สามารถเริ่มเทรด Forex ได้แล้วครับ ตอนหน้าเราจะไปว่ากันถึง เรื่องวิธีการเทรด Forex กันครับ ขอให้รวยๆ กันทุกท่านนะครับ


อ้างอิงจาก : forexhot.com

Friday, February 29, 2008

เราจะเอาเงินจากการเทรด Forex ออกมาใช้ได้อย่างไร? วิธีสมัคร WebMoney

จากตอนที่แล้ว หลายท่านอาจจะสงสัยว่าถ้าเทรด Forex แล้วมีกำไร เราจะเอาเงินจาก Marketiva ออกมาใช้อย่างไร มาดูกันต่อเลย

เราสามารถถอนเิงินได้ 2 แบบครับ

แบบ 1. การถอนเิงินจากMarketivaเข้าธนาคารในประเทศไทยโดยตรง จะเสียค่าธรรมเนียม $14 ทุกครั้งที่มีการถอนเงิน
1.login เข้าสู้ account
2.ที่แถบเมนู คลิ๊ก Transfer Funds ช่องบน from desk เลือก Live Forex หรือ Live Fund ช่องล่างเลือก Default ใส่จำนวนเงินที่จะย้ายใน ช่อง Amount แล้วคลิ๊ก Transfer แล้ว confirm อืกครั้ง
3.ไปที่แถบเมนู คลิ๊ก withdraw funds เลือก withdrawal by wire transfer กรอกเลขบัญชีและชื่อธนาคารและที่อยู่ของธนาคารที่ต้องการให้ทางMarketivaโอนเงินไปให้
4.คลิ๊ก Withdraw Funds

แบบ 2. การถอนเิงินจากMarketiva ผ่าน WebMoney จะเสียค่าธรรมเนียม $7 เพียงครั้งแรกที่ถอนครั้งต่อไปไม่คิดค่าธรรมเนียม
สมัคร WebMoney ก่อนนะครับ จะคล้ายๆ กับ Paypal เป็นเสมือนธนาคารทางอินเตอร์เน็ตคล้ายๆ กัน (e-currency) แต่คนละบริษัท จัดทำเฉยๆ

WebMoney มีความน่าเชื่อถือ และมีระบบการรักษาความปลอดภัยและให้ความยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทุกท่าน ต้องสมัครสมาชิก WebMoney ไว้ เพื่อใช้ในการลงทุน ทางอินเตอร์เน็ต การซื้อ การถอนก็ทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจาก มีที่รับซื้อ ขาย WebMoney หลายแห่งครับ ในบ้านเราท่านสามารถสั่งซื้อ ขาย WebMoney ผ่านเว็บ www.ecurrencyplus.com, www.egoldthai.com หรือ www.e-currencystore.com ได้ครับ

ข้อมูลบริษัท WebMoney

* ชื่อบริษัท : WM Transfer Ltd.
* ก่อตั้งปี : 1998
* ที่ตั้ง : 119049, 7 Koroviy Val str., Moscow, Russia
* ข้อมูลการติดต่อ
- FAX: +7 (495) 727-43-33
- Technical support call center
+7 (495) 727-43-33 - Moscow
+7 (812) 309-02-91 - St. Petersburg
+44 (203) 239-60-39 - UK
+1 (646) 205-28-89 - USA

รายละเอียดเบื้องต้น

* สมัคร: ฟรี
* ค่าธรรมเนียมรายเดือน: ไม่มี
* ค่าธรรมเนียมในการรับเงิน: ไม่มี
* ค่าธรมเนียมในการส่งเงิน: 0.8% สูงสุด 50 USD (WMZ)


วิธีการสมัคร

- Keeper Classic (แนะนำ)

เหมาะ สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หลายเครื่องหรือใช้งานคอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้ อื่น เนื่องจากการสมัครแบบนี้จะเป็นลักษณะของการดาวน์โหลดโปรแกรม
การใช้งานมาติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ และเข้าใช้งานโดยใช้รหัสผ่าน

- Keeper Light

เหมาะ สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว และไม่มีผู้อื่นมาร่วมใช้คอมพิวเตอร์ด้วย เนื่องจากการสมัครแบบนี้จะเป็นการฝัง Certificate file
ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน

วิธีสมัคร WebMoney Keeper Classic (แนะนำ)
เข้าไปที่เว็บ http://www.wmtransfer.com
แล้วดูตามรูปข้างล่างประกอบได้เลยครับ



หรือสามารถดูการสมัครได้ที่เวบตามรายชื่อนี้ครับ
http://e-currencystore.com/about_webmoney.php
http://www.ecurrencyplus.com/open_wmclassic.php


เกี่ยวกับบัญชี WebMoney

หลัง จากสมัครแล้วผู้ใช้งานจะได้รับหมายเลขบัญชี WebMoney (Webmoney Id หรือ WMId) ซึ่งเป็นตัวเลข 12 หลัก แต่เราจะไม่ใช้เลขบัญชีนี้ในการรับ - ส่งเงิน
เนื่องจาก WebMoney สามารถใช้งานได้หลายสกุลเงิน ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องสร้างบัญชีย่อยประจำแต่ละสกุลเงินเพื่อใช้ในการรับ ส่งเงิน

* WMR - equivalent to RUR (R-Purse)
* WMZ - equivalent to USD (Z-Purse)
* WME - equivalent to EUR (E-Purse)
* WMU - equivalent to UAH (U-Purse)
* WMB - equivalent to Belorussian Roubles (B-Purse)
* WMY - equivalent to Uzbek Sum (Y-Purse)
* WM-C and WM-D - WMZ equivalent for transactions on - and D-purses
* WMG - equivalent of Gold (G-Purse)

ใน การรับส่งเงินนั้นจะใช้ หมายเลขบัญชีย่อยประจำแต่ละสกุลเงิน เช่น สกุล USD ก็จะใช้เลขบัญชีที่ขึ้นต้นด้วยตัว Z (Zxxxxxxxxxxxx) และ ทำการอ้างอิงด้วย WMId ดังนั้นหมายเลข WMId กับ หมายเลขบัญชีแต่ละสกุลเงินจึงจะไม่ใช่หมายเลขเดียวกัน

ประโยชน์การใช้งานของ Webmoney

1. ใช้สำหรับชำระสินค้าหรือค่าบริการต่างๆ : มี merchant หรือผู้ให้บริการจำนวนมากที่รับชำระเงินด้วย webmoney โดยส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมในหมู่ประเทศแถบรัซเซียและยุโรป ซึ่งเราสามารถเช็คการให้เว็ปไซด็ ต่างๆเหล่านั้นได้ที่นี้

2. ใช้สำหรับรับส่งเงินระหว่างบัญชี(send money by e-mail): webmoney มีจุดประสงค์ที่สำคัญคือการให้สมาชิกสามารถส่งเงินออนไลน์หากันได้ โดยทาง webmoney จะมีบริการของตัวแทน(exchanger) สำหรับ ผู้ต้องการแลก เปลี่ยนสกุลเงิน(currency exchange) หรือสามารถ เปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ภายในบัญชีได้เอง หรือยังสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงิน webmoney เป็น e-currency อื่นๆ ได้อีก เราสามารถเช็คตัวแทน ในการแลกเปลี่ยน e-currency ได้ที่นี่

3. ใช้สำหรับลงทุนด้าน forex : มีโปรเกอร์จำนวนไม่ใช่น้อย ที่นิยมนำ webmoney มาใช้ชำระเงินผ่านระบบการลงทุน forex โปรเกอร์เหล่านั้นได้แก่ maketiva.com , litforex.org, FxOpen.com เป็นต้น

จาก 2 วิธีที่กล่าวมานี้ อาจจะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ถ้าใช้แบบแรกก็สะดวกดี แต่ค่าธรรมเนียมแพง ถ้าใช้แบบที่สองก็จะยุ่งยากหน่อย แต่ค่าธรรมเนียมถูกกว่า แล้วแต่จะเลือกใช้นะครับ

จากนี้เราก็สามารถถอนเงินจากการเทรด Forex ออกมาใช้ได้แล้วครับ

ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และขอให้รวยๆ ทุกท่านครับ

Thursday, February 28, 2008

เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?

จากบทความที่แล้ว เราได้ทราบถึงเรื่อง ของ "Leverage คืออะไร?" ไปแล้ว เราก็มาต่อกันที่บทความที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?"

ในการที่เราจะเริ่มต้นการเทรด Forex อันดับแรก สิ่งที่คุณควรจะมีคือ

* คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ ซัก 1 เครื่อง
* internet connection - ควรจะเป็นแบบไฮสปีดนะครับ
* โต๊ะคอมฯ และเก้าอี้นั่งสบายๆ
* ตัวเรา อ่ะ! อันนี้แน่นอน เพราะเราต้องทำการเทรดเองนี่นา
* ทุน เริ่มต้นที่ 0 บาท ครับ ไม่ผิด 0 บาท เพราะหากยังไม่คุ้นเคย ผมแนะนำให้ทดลองเล่น demo account ไปก่อน อย่างน้อยๆ 3 เดือน โบรกเกอร์ที่ผมใช้อยู่ มี demo account และ virtual money ให้ทดลองเล่น ทุกอย่างคือของจริง ยกเว้น เล่น-ได้ เสีย ก็ไม่ ได้-เสีย เงิน จริงๆ เพราะเป็นเงินปลอมทดลองเล่น และที่สำคัญ โบรกนี้ ยังมี real money หรือเงินจริง เป็นทุนให้เราด้วย ที่ $5 ครับ
* ทำใจสบายๆ แล้วทำเงินกันเลย


จากนั้นครับ สิ่งที่เราจะเริ่มต้นทดลองเทรดได้ จะต้องเริ่มจาก

สมัครเทรดกับโบรกเกอร์กันก่อน

ให้สมัครทิ้งไว้ก่อนนะครับ แล้วโหลดโปรแกรมมาเตรียมไว้ ยังไม่ต้องห่วงครับว่าจะใช้ยังไง เทรดยังไง จะค่อยๆแนะนำไปนะครับ


สำหรับผู้เริ่มต้นผมแนะนำว่า ควรสมัครที่ AGEA ก่อนนะครับ เนื่องจากเป็นโบรกเกอร์เจ้าแรกที่เปิดโอกาศให้รายย่อยได้มีโอกาศลงทุนในตลาด Forex โดยการแจกเงินให้ฟรี $5 ทันทีที่เราสมัคร Account
*ควรจำไว้ว่า AGEA อนุญาติ 1 คนสมัครได้แค่ 1 account และต่อ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะครับ

หมายเหตุ: Marketiva ได้เปลี่ยนชื่อเป็น AGEA แล้วนะครับ ตั้งแต่ วันที่ 30 เมษายน 2012 ที่ผ่านมา ในส่วนของระบบการใช้งานต่างๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิม แต่ที่สำคัญคือมีการเพิ่มตัวโปรแกรมเทรด MetaTrader 4 หรือ MT4 เข้ามาให้ด้วย (และอีกไม่นานก็จะเปิดให้ใช้ MT5 อีกด้วย)  แถม ค่า spread ของการเทรดทองคำ ยังถูกลงอีกด้วย คือ ลดลงจาก 80 เหลือแค่ 55 ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีมากเลยทีเดียวครับ 

ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ โบรกเกอร์ AGEA

AGEA Jinrong DOO เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ Montenegro หมายเลข Registration number 5-0557722 อยู่ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับความโปร่งใสในธุรกรรมทางการเงิน MiFID (Markets in Financial Instruments Directive) ของสหภาพยุโรป หรือ EU

AGEA (Marketiva) เปิดตัวช่วงต้นปี 2005 ที่ผ่านมา ด้วยสโลแกนที่ว่า "Forex ใครๆ ก็เล่นได้" ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 1$ ดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ AGEA (Marketiva) กลายเป็นบริษัท Forex ที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ มีคนให้ความสนใจและไปเปิดบัญชีลงทุนกันอย่างมากมาย

การสมัครสมาชิกกับ AGEA

เริ่มจากเข้าไปที่ http://www.agea.com/?gid=18395 - เมื่อเข้าไปที่เว็บแล้ว ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1.กด Open account



2.กรอกข้อมูลส่วนตัว



ช่องที่จำเป็นต้องกรอกคือช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันทน์กำกับข้างหลังนะครับ ส่วนช่องอื่นๆ สามารถเว้นว่างไว้ได้ครับ

- Username : กรอกชื่ออะไรก็ได้เอาไว้สำหรับ Login ( ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อจริง )
- Password : กรอกรหัสผ่านไว้สำหรับ Login ( ต้องเกิน 6 ตัว )
- Re-type Password : กรอกรหัสผ่านที่กรอกในข้อ 3 อีกครั้ง
- First Name : กรอกชื่อจริง
- Middle Innitial : เว้นว่างไว้
- Last Name : กรอกนามสกุล
- Job Title : เว้นว่างไว้
- Organization : เว้นว่างไว้

- I want to open AGEA account as a corporation / organization and not as an individual. : เว้นไว้ (มีไว้สำหรับบัญชีที่อยู่ในรูปแบบกลุ่มหรือองค์กร)

- Street Address : กรอกที่อยู่
- Additional Address : เว้นว่างไว้
- City : กรอกเขต หรือ อำเภอ
- Zip / Postal Code : กรอกรหัสไปรษณีย์ ( ขึ้นต้นด้วย 66 แล้วตามด้วยรหัสไปรษณีย์ )
- State / Province : กรอกจังหวัด
- Country / Region : เลือกประเทศ Thailand
- Phone : กรอกเบอร์โทรศัพท์ ( ขึ้นต้นด้วย 66 แทน 0 ตัวหน้า เช่น 66810000000 )
- Fax : เว้นว่างไว้
- Mobile : เว้นว่างไว้
- E-mail : กรอกอีเมล์ที่เราจะใช้ติดต่อกับทางเว็บ
- Web site : เว้นว่างไว้
- กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กด Continue >

3. จากนั้นจะเจอหน้าจอต่อไป จะให้เราเลือก

- Standard Forex Trader : จะมี function ต่างๆ ครบถ้วน
- Compact Forex Trader : จะมี function ต่างๆ เหมือน Standard Forex Trader แต่จะแสดงเมนู
ต่างๆ แบบกะทัดรัด

ขอแนะนำให้เลือกแบบ Standard Forex Trader

ถัดมาจะมีให้เราตั้งคำถามช่วยจำ ในกรณีที่เราลืม Password

- Recovery Question: เลือกคำถาม
- Recovery Answer: ใส่คำตอบ (ไว้ใช้เรียกคืน Password กรณีเราลืม)

จากนั้นกรอกข้อมูลเกี่ยวระดับการศึกษาและประสบการณ์ ในการลงทุน ครับ
- Education Level: ระดับการศึกษา
- Employment Status: สถานะการทำงาน

- Annual Income: ใส่รายได้ประจำปี
- Net Worth: รายได้รวม

- Experience in Securities: ประสบการณ์ในด้านการลงทุนหลักทรัพย์
- Experience in Derivatives:ประสบการณ์ในตราสารอนุพันธ์
- Transactions in Securities: การทำธุรกรรมในด้านการลงทุนหลักทรัพย์
- Transactions in Derivatives: การทำธุรกรรมในตราสารอนุพันธ์
- Trading Portfolio Size: ขนาดของพรอตการลงทุน
- Traded as Professional?: ปัจจุบันเล่นหุ้นหรือตราสารอนุพันธ์เป็นอาชีพหรือไม่

จากนั้นก็กด Next จะมาที่หน้าจอให้เรายอมรับเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ จากนั้นก็กด Finish

4. เมื่อสมัครได้แล้ว ทางเว็บจะให้เราดาวน์โหลดโปรแกรม ที่หัวข้อ Download Platforms ซึ่งเราสามารถ ติดตั้งได้ทั้ง Streamster หรือ MetaTrader 4 (MT4) ซึ่งเป็นโปรแกรมใช้ดูความเคลื่อนไหวแบบ Real time ของตลาด forex ครับ ดาวน์โหลดโปรแกรมมาลงที่เครื่องคอมได้เลย ส่วนวีธีใช้โปรแกรมตัวนี้เดี๋ยวเรามาว่ากันต่อที่หลังนะครับ
ถ้าหาหน้าดาวน์โหลดไม่เจอให้ไปที่หน้าแรก กด Quick Links แล้วเลือก Download Platforms ครับ


มาถึงตรงนี้ ก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัคร AGEA จะให้เงินทดลองเล่น หรือ virtual money $10,000 และเงินจริง $5 นะครับ

ตอนต่อไป เราจะมาต่อกันที่ว่าถ้าเทรดแล้วได้กำไรขึ้นมาแล้ว เราจะเอาเงินออกมาใช้ได้อย่างไร ติดตามได้ในบทความต่อไปนะครับ

Wednesday, February 27, 2008

มีทุนน้อยแล้วจะลงทุนใน Forex อย่างไร? Leverage คืออะไร?

Leverage คืออะไร?

จำได้มั๊ยครับว่าจากบทความที่แล้ว จากที่เราสั่งซื้อด้วยเงินเพียง $1 ของเราเอง กำไรมันน้อยนิดมาก ขนาด +50 จุดยังทำเงินได้ 17 สตางค์เอง หากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว มีทุนไม่พอแน่ ทำไงดี ตรงนี้แหล่ะครับที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการ เทรด Forex อย่างไร เรามาดูกัน

Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)

นั่นหมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10%

และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท

หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์

ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ครับ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน

ลองคิดดูเล่นๆู ล่ะกันครับ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5

เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ)

ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด

ที่ FxOpen (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เองครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา

Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ


credit:http://forexrichclub.com/index.php?topic=34.0

Tuesday, February 26, 2008

กำไรจากตลาด Forex เขาทำกันอย่างไร?

จากบทความที่แล้ว เรื่อง "Forex คืออะไร" หลายท่านก็คงจะได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับตลาด Forex กันแล้วนะครับ เรามาต่อกันที่หัวข้อที่หลายท่านยังสงสัยอยู่(โดยเฉพาะมือใหม่ซิงๆ) ว่า เขาซื้อ-ขาย และทำกำไรจากตลาด Forex กันอย่างไร เรามาเริ่มกันเลยนะครับ

หลายท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้าง หลักการทำกำไรหลักๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่า ซื้อถูก-ขายแพง(พูดง่ายแต่ทำจริงๆ ไม่ง่ายเลย) ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัวๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้น ตรงที่ เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงิน กำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ

ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรป กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับ

EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502

ถ้าเราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ ในความเป็นจริงคงไม่มีใครซื้อแล้วขายเลยแบบนี้)

เราจะทำกำไรด้วยการ buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง

ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย

เมื่อเราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก

แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน

สมมุติว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ)

เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD

น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว เป็นเงินที่ไม่น้อยเลย

แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ

เดี๋ยวเรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage นะครับ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร

credit:http://forexrichclub.com/index.php?topic=33.0

Forex คืออะไร?

สวัสดีทุกๆ ท่านนะครับ
หวังจะรวยและทำเงินกับ Forex Trading ก่อนอื่นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Forex คืออะไร

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Forex มาบ้าง ผิดบ้างถูกบ้าง บางคนคิดว่าเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง ทั้งที่เค้าเล่นกันทั่วโลก ที่เป็นแบบนี้เนื่องมาจาก ในเมืองไทยเรายังไม่มีแหล่งที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange บางครั้งเรียกย่อว่า FX คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาด Forex ก็คือ ตลาดทุนแบบหนึ่งคล้ายกับตลาดหุ้นบ้านเรา แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ถ้าให้ถูกต้องเรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้

สิ่งที่ซื้อ-ขายกันในตลาดนี้คือค่าเงิน โดยซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงินนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เงินสกุลยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ (EUR/USD) หรือ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น (USD/JPY) เป็นต้น

ในตลาด Forex แต่ละวัน มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 1.9 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ มากกว่าทุกตลาดทางการเงินในโลกนี้รวมกันเสียอีก

ตลาด Forex ที่ใหญ่ๆ อยู่ที่ นิวยอร์ค ลอนดอน ญี่ปุ่น รวมถึงที่ ออสเตรเลีย และยุโรป เวลาทำการหรือเวลาเปิดปิดในแต่ละพื้นที่ก็จะไม่ตรงกัน และจะคาบเกี่ยวกันอยู่ ทำให้ผู้เทรดจากทั่วโลก สามารถเข้าตลาดตั้งแต่ ตี 4 ของวันจันทร์ จนถึงตี 4 ของวันเสาร์เลยทีเดียว เรียกว่าแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้

แรกเริ่มเดิมที ตลาด Forex นี้จะเล่นกันในกลุ่มพวกขาใหญ่ เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มกองทุน ผู้นำเข้า และส่งออก จนพักหลังเริ่มมีการเทรดทางอินเตอร์เน็ตเข้ามา และมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการสำหรับนักลงทุนรายย่อย และมือใหม่ให้สามารถเริ่มต้น้ลงทุนในตลาด Forex ด้วยเงินเพียง $1 - $500 เท่านั้น ทำให้ีการลงทุนในตลาดการเงินแห่งนี้ แพร่หลายไปทั่วโลก

สรุปข้อดีและน่าสนใจของตลาด Forex

1. ใช้เงินลงทุนต่ำ ต่ำสุดเพียง $1 หรือประมาณ 34 บาท
2. ตลาด online และดำเนินการทุกอย่างผ่าน Internet ตลอด 24 ชั่วโมง
3. คำสั่งซื้อ-ขาย เป็นระบบอัตโนมัติ ไม่มีคนกลาง ไม่่พลาดทุกคำสั่งซื้อ-ขาย
4. สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
5. ค่าดำเนินการต่ำ โบรกเกอร์เก็บค่า spreed ตั้งแต่ 1 - 20 pips ต่อเทรด ขึ้นอยู่กับคู่ของค่าเงินที่เทรด
6. มีเงินปลอมให้ทดลองเทรดได้เสมือนจริง บนระบบจริง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะพอเข้าใจ ในตลาด Forex กันมากขึ้นนะครับ